แผนที่ บริษัท ชาญชัยดอทเน็ท จำกัด

สายไฟเบอร์ออฟติก

สายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable) เป็นตัวกลางของสัญญาณแสงชนิดหนึ่ง ที่ทำมาจากแก้ว

AC Optic

สายไฟเบอร์ ราคา สายไฟเบอร์ วิธีเข้าหัว ทดสอบสาย เทสสาย

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย หรือปราสาทหินพิมาย



อยู่ในตัวอำเภอพิมาย เป็นปราสาทที่อยู่ในเมือง ที่เดียว และสร้างก่อนนครวัด ประมาณ 100 ปี และสร้างหลัง ปราสาทวัดพู  พระเจ้าชัยวรมันได้สร้างปราสาทวัดพู จำปาสัก พ.ศ. 893-943 เพื่อถวายพระศิวะ


 ประกอบด้วยโบราณสถานสมัยขอมที่ใหญ่โตและงดงามอลังการนั่นคือ“ปราสาทหินพิมาย” 
แหล่งโบราณคดีที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ บนพื้นที่ 115 ไร่ วางแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 565 เมตร ยาว 1,030 เมตร 
ชื่อ “พิมาย” น่าจะมาจากคำว่า “วิมาย” หรือ “วิมายปุระ” ที่ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาทหินพิ-มาย 
และยังปรากฏชื่อในจารึกอื่นอีกหลายแห่ง อาจจะเป็นคำที่ใช้เรียกรูปเคารพหรือศาสนาสถานสิ่งที่เป็นลักษณะพิเศษของปราสาทหินพิมาย 
คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ต่างจากปราสาทหินอื่นที่มักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางที่ตัดมาจากเมืองยโศ-ธรปุระ
 เมืองหลวงของอาณาจักรเขมรซึ่งเข้าสู่เมืองพิมายทางด้านทิศใต้จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะการก่อสร้าง บ่งบอกว่าปราสาทหินพิมายคงจะเริ่มสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16
 ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 รูปแบบทางศิลปกรรมของตัวปราสาทเป็นแบบปาปวนซึ่งเป็นศิลปะที่รุ่งเรืองในสมัยนั้น โดยมีลักษณะของศิลปะแบบนครวัดซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยต่อมาปนอยู่บ้าง
 และมาต่อเติมอีกครั้งในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชชัยวรมันที่ 7 ซึ่งครั้งนั้นเมืองพิมายเป็นเมืองซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอาณาจักรเขมร
 ปราสาทหินแห่งนี้สร้างเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายานมาโดยตลอด เนื่องจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงนับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
   ปราสาทหินพิมายมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจดังนี้





ไกด์ นักเรียนโรงเรียนพิมายวิทยา อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

  สะพานนาคราช เมื่อเข้าไปเยี่ยมชมปราสาทหินพิมายจะผ่านส่วนนี้เป็นส่วนแรก จะเห็นสะพานนาคราชและประติมากรรมรูปสิงห์ ตั้งอยู่ด้านหน้าของซุ้มประตูด้านทิศใต้ของปรางค์ประธานซึ่งเป็นส่วนหน้าของปราสาท ทั้งนี้อาจมีจุดมุ่งหมายในการสร้างให้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ ตามคติความเชื่อในเรื่องจักรวาลทั้งในศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ มีลักษณะเป็นรูปกากบาท ยกพื้นขึ้นสูงจากพื้นดินประมาณ 2.50 เมตร ราวสะพานโดยรอบทำเป็นลำตัวพญานาค ชูคอแผ่พังพานเป็นนาคเจ็ดเศียร มีลำตัวติดกันเป็นแผ่น หันหน้าออกไปยังเชิงบันไดทั้งสี่ทิศ
ซุ้มประตูและกำแพงชั้นนอกของปราสาท ถัดจากสะพานนาคราชเข้ามาเป็นซุ้มประตูหรือที่เรียกว่า โคปุระ ของกำแพงปราสาทด้านทิศใต้ ก่อด้วยหินทราย มีผังเป็นรูปกากบาทและมีซุ้มประตูลักษณะเดียวกันนี้อีก 3 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก โดยมีแนวกำแพงสร้างเชื่อมต่อระหว่างกันเป็นผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวจากเหนือถึงใต้ 277.50 เมตร และกว้างจากตะวันออกไปตะวันตก 220 เมตร ซุ้มประตูด้านทิศตะวันตกมีทับหลังชิ้นหนึ่งสลักเป็นรูปขบวนแห่พระพุทธรูปนาคปรกที่ประดิษฐานอยู่เหนือคานหาม 



  ซุ้มประตูและกำแพงชั้นใน (ระเบียงคด) เมื่อผ่านจากซุ้มประตูและกำแพงชั้นนอกไปแล้ว ก็จะถึงซุ้มประตูและกำแพงชั้นใน ซึ่งล้อมรอบปรางค์ประธาน กำแพงชั้นในของปราสาทแตกต่างจากกำแพงชั้นนอก คือ ก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่องกันคล้ายเป็นทางเดินมีหลังคาคลุม อันเป็นลักษณะที่เรียกว่า ระเบียงคด มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความยาวจากเหนือถึงใต้ 80 เมตร และความกว้างจากตะวันออกถึงตะวันตก 72 เมตร มีทางเดินกว้าง 2.35 เมตร เดินทะลุกันได้ตลอดทั้งสี่ด้าน หลังคามุงด้วยแผ่นหิน การบูรณะระเบียงคดเมื่อปีพ.ศ 2532 ได้พบแผ่นทองดุนลายรูปดอกบัว 8 กลีบ บรรจุไว้ในช่องบนพื้นหินของซุ้มประตูระเบียงคดเกือบจะทุกด้าน แผ่นทองเหล่านี้คงไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลเหมือนที่พบในปราสาทอื่นอีกหลายแห่ง


ด้านหน้าจะหันหน้าไปทางนครวัด ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา


  ปรางค์ประธาน ตั้งอยู่กลางลานภายในระเบียงคด เป็นศูนย์กลางของศาสนสถานแห่งนี้ ปรางค์ประธานสร้างด้วยหินทรายสีขาวทั้งองค์ ต่างจากซุ้มประตู(โคปุระ)และกำแพงชั้นในและชั้นนอกที่สร้างด้วยหินทรายสีแดงเป็นหลัก มีหินทรายสีขาวเป็นส่วนประกอบบางส่วน เนื่องจากหินทรายสีขาวมีคุณสมบัติคงทนดีกว่าหินทรายสีแดง องค์ปรางค์สูง 28 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสองยาวด้านละ 22 เมตร ด้านหน้ามีมณฑปเชื่อมต่อกับองค์ปรางค์โดยมีฉนวนกั้น องค์ปรางค์และมณฑปตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ส่วนด้านอื่น ๆ อีกสามด้านมีมุขยื่นออกไปมีบันไดและประตูขึ้นลงสู่องค์ปรางค์ทั้งสี่ด้าน
  ปรางค์พรหมทัต ตั้งอยู่ด้านหน้าปรางค์ประธานเยื้องไปทางซ้ายสร้างด้วยศิลาแลง มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม กว้าง 14.50 สูงประมาณ 15 เมตร สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ภายในปรางค์พบประติมากรรมหินทรายจำหลัก เป็นรูปประติมากรรมฉลององค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่7 (จำลอง) ที่เรียกว่า ปรางค์พรหมทัต ก็เพื่อให้เข้ากับตำนานพื้นเมืองเรื่องท้าวพรหมทัตพระเจ้าแผ่นดิน ปัจจุบันกรมศิลปากรได้เก็บรักษาองค์จริงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย 

ปรางค์หินแดง ตั้งอยู่ทางด้านขวา สร้างด้วยหินทรายสีแดง กว้าง 11.40 เมตร สูง 15 เมตร มีมุขยื่นออกไปเป็นทางเข้าทั้ง 4 ทิศ เหนือกรอบประตูทางเข้าด้านทิศเหนือมีทับหลังสลักเป็นภาพเล่าเรื่องในมหากาพย์ภารตะตอนกรรณะล่าหมูป่า ออกจากระเบียงคด (กำแพงชั้นใน) มาบริเวณลานชั้นนอกทางด้านทิศตะวันตก ล้อมรอบด้วยกำแพงชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง ประกอบด้วยอาคารที่เรียกว่า บรรณาลัย มีสองหลังตั้งอยู่คู่กันและมีสระน้ำอยู่ทั้งสี่มุม
   อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.30-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 40 บาท มีบริการยุวมัคคุเทศก์ซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนพิมายวิทยานำชมสถานที่ฟรี 
โบราณสถานนอกกำแพงปราสาทหินพิมาย มีสิ่งที่น่าสนใจดังนี้ 
   ประตูเมืองและกำแพงเมืองพิมาย สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 บรรดาประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ ประตูชัยด้านทิศใต้นับเป็นประตูเมืองที่สำคัญที่สุด เพราะรับกับถนนโบราณที่ตัดผ่านมาจากเมืองพระนครเข้าสู่ตัวปราสาทพิมาย หากหยุดยืนที่ช่องประตูเมืองด้านทิศใต้ จะมองเห็นปราสาทหินพิมายผ่านช่องประตูเมืองพอดี ลักษณะประตูเมืองมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทางผ่านตลอดกลางประตู ส่วนของหลังคาได้หักพังไปหมดแล้ว



เมรุพรหมทัต Meru Brahmathat

โดย:ชาญชัย จาดพิมาย

เมรุพรหมทัต

เมรุพรหมทัต ตั้งอยู่ที่ ถนนบูชายันต์ ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
 อยู่นอกกำแพงปราสาทด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นซากโบราณสถานก่อด้วยอิฐ ปัจจุบันเป็นมูลดินทับถมจนเป็นรูปกลมสูงประมาณ 30 เมตร
 เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 59 เมตร
ลักษณะเป็นเจดีย์ก่อด้วยอิฐ สอดิน ฉาบทับด้วยปูน มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีลานประทักษิณ โดยรอบ
ตั้งอยู่บนเนินดินขนาดใหญ่ เป็นโบราณ สถานที่สร้างขึ้นในสมัยอยุทธยา ตอนปลาย
โดยมีวิธีกรรมทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง อันเนื่องมาจาก นิทานพื้นบ้านเรื่อง ท้าวปาจิต-นางอรพิม กล่าวถีงสถานที่แห่งนี้
ถวายพระเพลิงท้าวพรมทัต
นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานทางด้านทิศใต้ได้แก่ ท่านางสระผม กุฏิฤาษี และ อโรคยาศาล

This building is locate 100 metres to the southeat of Prasat Phimai.
It is a large brick chedi that stands on an easterm mound .
It is undertood to have been constructed during the latter 
part of the Ayutthaya period in the 18th centuryA.D.
The building is know locally as Meru Brahmathat according to the local legend.




เป็นเจดีย์ก่อด้วยอิฐ สอดิน


พิมายไม่มีภูเขา แต่มีเนินดิน

ด้านบนของ เมรุ



คลิ๊ปเมรุพรหมทัต






วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

จังหวัดเสียมราฐ, เสียมเรียบ,เสียมราบ


เสียมราฐ[2] หรือชื่อท้องถิ่นว่า เสียมเรียบ (เขมร: សៀមរាប เสียมราบ) เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ริมฝั่งทะเลสาบเขมร ห่างจากกรุงพนมเปญ 314 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 5 ชั่วโมง
คำว่า "เสียมเรียบ" ในภาษาเขมรนั้น หมายความว่า "สยามราบ" คือ สยามแพ้ ส่วน "เสียมราฐ" ในภาษาไทยนั้น หมายถึง "ดินแดนของสยาม" เป็นที่เข้าใจว่า ชื่อ "เสียมเรียบ" ตั้งขึ้นใหม่แทน "เสียมราฐ" หลังจากที่ใน กรณีพิพาทอินโดจีน พันตรีแปลก พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการกองทัพอีสานและบูรพาในขณะนั้น ได้เคยบุกข้ามชายเดนขับไล่ฝรั่งเศสออกจากดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง พระตะบอง และเสียมราฐ แต่แพ้
ปัจจุบันนี้ จังหวัดเสียมราฐเป็นที่รู้จักดีในฐานะเป็นที่ตั้งของนครวัด และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นอีก อาทิ หมู่ปราสาทหินจากอาณาจักรขอม ได้แก่ ปราสาทนครวัด, กลุ่มปราสาทนครธม, (ตาพรหม และบายน, บันทายศรี, บากอง, โลเลย, พนมบาเค็ง, พนมกุเลน และ บารายตะวันตก
เมืองเอกของจังหวัดนี้ (เทียบได้กับอำเภอเมืองในจังหวัดของไทย) ก็มีชื่อว่า เสียมราฐ เช่นกัน โดยเมืองเสียมราฐนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศกัมพูชา แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมนครวัดประมาณ 1,600,000 คน




ยามเช้าในจังหวัดเสียมเรียบ

จักรยานยนต์ ก้อเหมือนทุกที่ในเขมร


รถ Camry เป็น taxi ทั้งนั้น


พระใส่ชีวรสีเดียวกันกับไทย


ตลาดเก่า เป็นตลาดโกงโค้งวางกะพื้นขายกันทั้งวันคนแน่นตลอด

ขายเป้นพวกปลาน้ำจืดผักผลไม้ที่นี่ลูกโต มากๆๆ


ตอนกลางคืนคนเดินเพียบ


ทานข้าวแกงที่ตลาดเก่า มี อยู่สอง สามร้าน พูดไทยได้ด้วยนะร้านแรกที่เดินเข้าอาหารเป้นปลาเป้นส่วนมาก
ที่เห้นเป้นปร้าหมูสับหลน เค็มๆๆหวาน ๆ อร่อยมากครับ มีผักไห้ทานฟรีสดมากแช่เย็นตะหาก
ส่วนอีกอย่างปลาสามรสอันนี้อร่อย แต่ก้างเยอะไปนิด มื้อนี้ 110 อาหารใรในเขมรถือว่าแพงครับ
แต่ข้าวที่เขมรให้เพียบเลยครับทุกที่เป็นอย่างนี้ทุกร้าน
 วัดกลางเมือง
 รถใหญ่ๆๆแบบนี้มีไห้เห็นมากไน กัมพูชา

 ตอนเช้า..แหล่งเที่ยวกลางคืนเหมือนตรอกข้าวสาร เงียบสนิท

แกสนำเข้าจากไทยทั้งนั้นรวมสินค้าอื่นๆๆอีกมากมาย
ผมเห้นสินค้าไทยที่นี่ไม่ต่ำกว่า 50% 



ซื้อของเราใช้เงิน  USD ถูกลง 20%


นครวัด

นครวัด (เขมร: អង្គរវត្ត) เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติ และเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร





สะพานทางเข้า




ปราสาทนครวัดได้เริ่มสร้างในกลางพุทธศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อบูชาแด่พระวิษณุหรือ พระนารายณ์ ในปี พ.ศ. 1720 ชาวจามได้บุกรุกขอม ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ต้องย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองนครหลวง หรือ เสียมราฐ ในปัจจุบัน หลังจากนั้น พระองค์จึงสร้างเมืองนครธม และ ปราสาทบายน ห่างจากปราสาทนครวัดไปทางเหนือ เพื่อเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของชาวขอม
ในปี ค.ศ. 1586 (พ.ศ. 2129) ได้มีนักบวชจากโปรตุเกส นามว่า อันโตนิโอ ดา มักดาเลนา เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้ไปเยือนปราสาทนครวัด แต่ที่จะถือว่าเป็นการเปิดประตูให้แก่ปราสาทนครวัดสู่สายตาชาวโลกนั้น คือการค้นพบของ อองรี มูโอต์ นักสะสมแมลงและนักสำรวจชาวฝรั่งเศส เมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้วมา ที่จริงชาวกัมพูชาไม่เคยละทิ้งนครวัดไปเพราะหลังจากมีการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่พนมเปญแล้ว ชาวบ้านก็ได้เขาไปตั้งรกรากภายในเขตนครวัดเรื่อยมา ปราสาทนครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างในยุคสิ้นสุดของราชอาณาจักรขะแมร์ โดยมีหินทรายเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก





ปราสาทนครวัดมีขนาดใหญ่มากถึง 200,000 ตารางเมตร ตัวปราสาทสูง 60 เมตร ยาว 100 เมตร และกว้าง 80 เมตร มีแผนผังที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดยอดของปราสาทขอม มีปราสาท 5 หลังตั้งอยู่บนฐานสูงตามคติของศูนย์กลางจักรวาล มีกำแพงด้านนอกยาวด้านละ 1.5 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบ มหาสมุทรบนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ
ใช้หินรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้แรงงานช้างกว่า 40,000 เชือก และแรงงานคนนับแสนขนหินและชักลากหินมาจากเขาพนมกุเลน ชึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 50 กิโลเมตร มาสร้าง
ปราสาทนครวัด มีเสา 1,800 ต้น หนักต้นละกว่า 10 ตัน ใช้เวลาสร้างร่วม 100 ปี ใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คน และใช้เวลาถึง 40 ปี
หอสูง 60 กว่าเมตรศูนย์กลางของกลุ่มปราสาท อันเปรียบเสมือนศูนย์กลางของจักรวาลนั้น มีทางเดินขึ้นที่ชันมาก ราว 50 องศา แต่ก็กลับเป็นจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยจะต้องปีนขึ้นไปและไต่ลงมา ที่จุดบนสุดของหอนี้จะมองเห็นวิวที่สวยสุดของปราสาทนครวัด



ทางด้านกำแพงชั้นนอกรอบปราสาทนั้น มีความยาวกว่า 800 เมตร มีงานแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่อง รามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดก็คือรูปที่เทวดากับอสูรกวนเกษียรสมุทรด้วยเขาพระสุเมรุ และยังมีรูปแกะสลักนางอัปสรอีกถึง 1,635 นาง ที่ทั้งหมดแต่งกายและทรงผมไม่ซ้ำกันเลย

มีภาพจำหลักหินด้านหนึ่งเป็นภาพกองทัพสยาม ที่ส่งไปช่วยรบกับพวกจามมีอักษรจารึกไว้ว่า “สยำ กุก” ปัจจุบันถูกเอาออกไปแล้วน่าจะหมายถึงกองทัพสยามจากลุ่มแม่น้ำกก คือกำลังที่มาจากเมืองเชียงราย เมืองเชียงแสนหรือจากสุพรรณบุรี และคำว่า “ โลว” สันนิษฐานว่าเป็นกองทัพจากเมืองละโว้

ปราสาทนครวัด+ทัวร์นครวัด+ประวัตินครวัด+นครวัด เขมร+นครวัด กัมพูชา+เที่ยวนครวัด+ทัวร์นครวัด นครธม+นครวัด ทัวร์+นครธม+นคร วัด การ เดินทาง+เที่ยวกัมพูชา+บริษัท ทัวร์ กัมพูชา เที่ยว กัมพูชา


เรียนภาษากัมพูชา ,ภาษาเขมร

    ฝากภาษาเขมรเผื่อมีโอกาสได้เข้าไปที่ประเทศกัมพูชาหรือไปซื้อสินค้านำเข้าจากเขมรจะได้ลองคุยต่อรองราคากันได้เพราะถ้าคุยได้บ้างเขาน่าจะลดได้พิเศษสักนิดก้อยังดีมีโอกาสลองหัดใช้นะครับ ด่านช่องจอม ด่านตลาดโรงเกลือหรืออีกหลายๆๆที่ มีพรมแดนติดประเทศไทย


 เครื่องบิน ยนเฮาะ (ยนต์เหาะ)
แพงไป ทรัยเปก โฆษก เนี้ยะโปรกา
ลดได้ไหม จ๊กทรัยบานเต๊ ตลาด พซา (ออกเสียงซาก็ได้)
ไม่มีเงิน อ็อดเมียนโร้ย
เครื่องคิดเลข เกรื้องกึ๊ดเลข
การนับเลข 0 โซม
อาหารการกิน 1 มวย
กินข้าวอร่อยไหม บายชงัลเต๊ 2 ปี
อร่อย ชงัล 3 เบ็ย
อิ่ม แช-อต 4 บวย
น้ำแข็ง ตึ๊กกอ 5 ปรำ
น้ำแข็งยูนิต ตึ๊กกอดอม 6 ปรำมวย
พริกป่น มะเต๊ะหม็อด 7 ปรำปี
มะนาว ซมโกร๊ซฉมาร์ 8 ปรำเบ็ย
ข้าวหน้าหมู บายจรู๊ก 9 ปรัมบวน
ข้าวหน้าไก่ บายบวน 10 ด็อบ
ข้าวผัด บายชา 15 ด็อบปรำ
ข้าวผัดไก่ บายชามอน 20 มวยไพ
ใส่ไข่ดาว ไซปองเจียน 30 สามซับ
ขนมจีน แบ็งจ็อก 40 ซายซับ
ปลาทอด เตร็ยเจี่ยน 50 ห้าซับ
กาเหลาลูกชิ้น เประฮั้ดสะโคซุป 60 หกซับ
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น กุยเตียวประฮั้ดสะโค 70 เจ็ดซับ
บุหรี่ บาเร็ย 80 แปดซับ
กาแฟ กาเฟ 90 เก้าซับ
กาแฟดำ กาเฟเขมา 100 มวยร้อย
ขนม หน้ม 1,000 มวยปอน
แกงเผ็ด,ต้มยำ ซ็อมลอมจู 10,000 มวยมื่น
กระดาษชำระ เกราะด๊ะอะนะมัย 100,000 มวยแสน
ไม้จิ้มฟัน เฌอจักทมึน คิดเงิน กึ๊ดโรย


ขอขอบคุณ น้อง sokheang @mariya hotel
เมืองกำปงจาม ประเทศกัมพูชา



ผม, ฉัน ขยม ฝัน สุบิน

คุณชื่ออะไร เตอเนี้ยะชัวเว่ย เขียนจดหมาย ซอเซ้ ซ็อมบท

ฉันชื่อสมชาย ขยมฉม้วกสมชาย เขียนแผนที่ ซอเซ้ แผนตี้

ฉันไม่เข้าใจ ขยมเมิ่นยวลเต๊ วาดรูป กู๊รูปเพรียบ

ฉันขอโทษ ขยมโซ้มโต๊ก เช็ค มูลเตียนนะบัด



คำว่าเซาะกราวด์ หรือบ้านอกไม่รู้ว่าที่สุรินทร์ กับกัมพูชา พูดเหมือนกันหรือเปล่าจะหาข้อมูลมาฝากเพิ่มเติม 




ของนี้ราคาเท่าไหร่ โปร๊กบอกนี้ทรัยป่นหม้าน (บอกสั้นๆๆ ไว้ทำจำเท่าไร่ประมาณ) ทะ-ไร-ปน-มาน
ขนมนี้ราคาเท่าไร  นมตะไรปรนมาน







ภาษาเขมรสำเนียงในถิ่นต่างๆก็ต่างกันไปนะคะ แบ่งออกเป็นขแมร์เลอ กับขแมร์โกรม ซึ่งคือเขมรสูงกับเขมรต่ำ (พื้นที่) เอาง่ายๆ แล้วกัน
นิกืออเจียอเวย -นี่คืออะไร
คยมทเวอเงีย -ฉันทำงาน
คยมก็อมปุงนิเยียย- ฉันกำลังพูด
คยมโตวเมิลกน -ฉันกำลังดูหนัง
คยมมินเทาเท -ฉันไม่ไปหรอก
เยิงก็วงแตนึงบานจวบเกนียเตียด -เราคงจะต้องได้พบกันอีก
คยมสีกุยเตียวเฮย -ฉันกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว

เยิงบานโตวพนมเปิน- เราได้ไปพนมเปญ
ทเวอคเมยคเมียด -ทำงานเร็วๆ

ทเวอเงียสอมเร็จ -ทำงานสำเร็จ
โห -เรียก

ลอมเนา -ที่พัก
หยุด = ฌุบ
มานี่ = มกนิฮ์
เสร็จยัง = เสรจฺ(ฮาย)เนิวฺ/ฮายเต 
ได้เวลาพักแล้ว = (ด็อลฺ)เปลฺสมฺรากฮาย
ระวัง/เดิน/ยืน/นั่ง/นอน = ปรยัด/ดาร์/โฌร์/อ็องกุย/เดก
ผิดแล้ว/ไม่ถูก = โขะฮ์ฮาย/มึนโตรวฺ(เต)
กินข้าว/ดื่มเหล้า = โฮบบาย ญำบาย ซีบาย(แดกข้าว) ตอตวลฺเตียนบาย(รับประทานข้าว)/ผึก สรา
เข้าใจ/รู้สึก/รู้จัก/รู้(ข่าว..)/รู้(งาน...)= ย็วล/ย็วลดึง/สกวัลฺ/ดึง/เจะฮ์
ให้/เอา = โอยฺ/ยก
ยกเลิก/เจ็บ/ปวดหัว = เลิกแลง/ฌือ/ฌือ กบาลฺ
ทำใหม่อีกที = เธวอซาเจียถไม/เธวอ(ซา) มดอง เตียด
สวย/ดีมาก = ละออ ณะฮ์
เยี่ยมจริง/หน้าต่าง/ประตู = ปูไกแมน/บ็องอวจฺ/เทวียร์
สกปรก/ห้ามเข้า/อย่าลืม= กรอขวก/ฮามโจล/กมฺภลึจฺ
ทำความสะอาด/ฆ่า/ตาย/ง่วง = เธวอสมฺอาด/สมลับ/สลับ/งองุย
สวัสดี = ซัวสเดย์/จุมเรียบซัว
จริงแน่เหรอ/ขอบคุณ = ปึ๊ดแมนรือ/ออกุณ
กลับบ้าน/กลับไปแล้ว/ชวน/ทวง = ตรล็อบ พเตยะ (วึญ)/ตรล็อบเติวฮาย/บอ บวลฺ/เตียม
ขอ/มา/ไป/ขึ้น/ลง/ขโมย = ซม/มก/เติว/ลาง/โจ๊ะฮ์/ลวจฺ
ปัสสาวะ/อุจจาระ = บัดเจิงโด๊วจฺ(โนม)/บัดเจิงธมฺ
ฝนตก/ไฟ /น้ำ/ลม/ดิน/สนิมเหล็ก/ต้นไม้= โจ๊ะฮ์เพลียง/เพลิง/ตึก/ขย็อล/เดย์/จเระฮ์ไดก์/ดามเฌือ

การทักทาย
จุมเรียบซั้ว : คำกล่าวสวัสดีผู้อาวุโส พระสงฆ์
ซัวสเดย : สวัสดี
อรุณ ซัวสเดย : อรุณสวัสดิ์
ทิเวียห์ ซัวสเดย : สวัสดีตอนกลางวัน
สายอนห์ ซัวเดย : สวัสดีตอนเย็น
เรียห์เตรย ซัวสเดย : ราตรีสวัสดิ์
ออกุน : ขอบคุณ
ออกุนเจริญ : ขอบคุณมาก
เลียซันเฮย : ลาก่อน
ผูกมิตร
บาด : (คำตอบรับผู้ชาย) ครับ
จ้ะ : (คำตอบรับผู้หญิง) ค่ะ
เมน : ใช่
มินเมน : ไม่ใช่
ลออ : ดี
มินลออ : ไม่ดี
มินอิยเต : ไม่เป็นไร
ซ็อบบายจิต : ดีใจ
ซกสะบายเต๊ : สบายดีไหม
บาด/จ้ะ ซกสะบายเต๊ : ครับ/ค่ะ สบายดี
สุขะเพียบลออ : ขอให้มีสุขภาพดี
อายุเวง : ขอให้อายุยืนยาว
รีดจำเริญ : เจริญๆนะพ่อคุณ
เนียงลออ : น่ารัก
เนียงสะอาด : สวย
เนียงสลอ : มีเสน่ห์
ขญม (ขะ-หยม) : ข้าพเจ้า

อาหารการกิน
บาย : ข้าว
บายมวน : ข้าวไก่ทอด
บายจรู๊ป : ข้าวหมูทอด
บายซ้าปซัด : ข้าวผัดทะเล
กุยเตียวประฮัดซัสโก : ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น
ประฮัดซัสโกซุป : เกาเหลาลูกชิ้น
ซแวลแต๊ : อร่อยมาก
ทะไลปนมาน : ราคาเท่าไร

เขมร-เอีย , ไทย-อา
กัมปูเจีย : กัมพูชา
ประเจียจน : ประชาชน
สงเครียม : สงคราม
สุขเพียบ : สุขภาพ
เอกเรียด : เอกราช
สันติเพียบ : สันติภาพ

What is your name?
Nayaak chmooa away?

Where are you from?
Nayaak chun cheeit away?

How old are you?
Nayaak ayoo poonmaan hi?

Where are you coming from?
Mao pee na?

Where are you going?
Dto na?  ("dt" is a cross between a "d" and a "t")

How much does it cost?
Tlai poonmaan?

I
Kinyum

you 
Nayak

He or She
Go aht 

Us
Yoong

They
Poouk Gay 

Please
Som

Thank You
Aakoon

One more please
Som mooey teeut

I don't want it
Awt yaw or Awt chung baan

Yes (for a man) 
Baat 

Yes (for a woman)
Chaa 

No
Awt tay

O.K.
O.K.

Stop
Choop sun

Go
Dto

Wait a minute
Cham mooey plet 

I don't understand what you say 
kinyum sadaap aut baan

I understand what you say
kinyum sadaap ban

I don't understand 
Kinyum aut jool 

I understand
Kinyum jool hi 

How much for one beer
Be yair mooey tlai poonmaan 

Check please
Ketloy 



One
Mooey

Two
Pee

Three
Bay

Four
Booun

Five
Bram

Six
Bram Mooey (same as five one)

Seven
Bram Pee

Eight
Bram Bay

Nine
Bram Booun

Ten
Dawp

Eleven
Dawp Mooey

(numbers from 11 to 19 are pronounced as the word ten, followed by the second number. 16 would be Dawp (10) Bram Mooey (6).

20
Maapay

21
Maapay Mooey 

30
Saamsup

40
Sie Sup

50
Haasup

60
Hoke sup

70
Jetsup

80
Bairtsup

90
Gaowsup

100
Mooey Roy

1000
Mooey Pawn

10,000
Mooey Mun
There is a fly in my soup
Meeun roy kanung soop kinyum

Where is the bathroom?
Bantoop duk no I na? 

No problem
Aut bine yaha

How are you?
Saak sabai tay?

I'm fine
Sok sabai 

Goodbye
Som leea hi

See you tomorrow
Sa aik chooup kaneea 

I want to go to Sihanoukville
Kinyum chung dto Sayhanoo veel

Months


Month
Ki (like the word “hi” but with a “K”)

January
Ki mooey

February
Ki pee

Just add the number of the month onto “Ki”

Year
Chnaam

Day
Ting eye

Week
ahtit

Morning
Pruk

12 O’Clock Noon
Payl ahtreeut

Evening
Lingeeik

Night
Yoop

Your cow is parked in my parking space.
Go robaw nayaak chawt no gawnline kinyum.

Help me!
Chewy Pawng!

A coconut hit me on the head.
Doang mooey bok kbal kinyum.

Your wife (husband) is very beautiful.
Brawpoon (biday) nayaak sa’at men ten.

Give me three of those.
Yaw bay.

Please lower the price.
Som joe tlai bawntek.

Please lower the price more.
Som joe tlai bawntek teeut.

Too expensive
Tlai Payk

Cheap
Taok

The End.
Choop Hi.